ทำความรู้จักกับประเภทเลนส์แว่นตามีกี่แบบ ? มีคุณสมบัติเฉพาะและข้อแตกต่างกันอย่างไร ?
เลนส์แว่นตา เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยแก้ไขปัญหาสายตาและอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานได้ใช้ชีวิตได้ง่ายมากขึ้น ในปัจจุบัน เทคโนโลยีการผลิตเลนส์แว่นตาได้พัฒนาไปอย่างมาก ทำให้มีตัวเลือกในท้องตลาดมีมากมายจนเลือกไม่ถูกกัน
และเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานให้มากที่สุด ทาง THE NEXT จึงอยากขอมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเลนส์แว่นตามีกี่แบบ ? พร้อมทั้งอธิบายถึงคุณสมบัติเฉพาะและข้อแตกต่างที่สำคัญของแต่ละประเภท เพื่อให้คุณสามารถเลือกเลนส์ที่เหมาะสมกับความต้องการของตัวเองได้อย่างมั่นใจ
ช้อปกรอบแว่นตาพร้อมเลนส์ได้ที่ ร้านแว่นตา THE NEXT
เลนส์แว่นตามีกี่แบบ ? แต่ละชนิดมีความแตกต่างอย่างไร ?
เลนส์แว่นตามีกี่แบบ ? การเลือกใช้เลนส์แว่นตาที่เหมาะสมนั้น เป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ยาก เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของปัญหาสายตา อายุ ไลฟ์สไตล์ และความต้องการในการใช้งาน การทำความเข้าใจถึงประเภทของเลนส์แว่นตาแต่ละแบบจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถเลือกเลนส์ที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเองได้ดียิ่งขึ้น
แว่นตามีกี่แบบ ? โดยในปัจจุบัน เลนส์แว่นตาสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและข้อดีที่แตกต่างกันไป ดังนี้
1. เลนส์ชั้นเดียว (Single Vision Lens)
เลนส์ชั้นเดียว (Single Vision Lens) คือ เลนส์แว่นตาที่มีกำลังขยายเพียงระดับเดียวตลอดทั้งเลนส์ หลักการทำงานของเลนส์ชั้นเดียวคือการแก้ไขปัญหาสายตาเพียงอย่างเดียว เช่น สายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง โดยเลนส์จะมีความโค้งหรือความหนาที่สม่ำเสมอตลอดทั้งชิ้น ทำให้แสงที่ผ่านเลนส์ถูกหักเหไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด ส่งผลให้ภาพที่เห็นชัดเจนในระยะการมองเพียงระยะเดียว
เลนส์ชนิดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสายตาในช่วงวัย ดังนี้
- เด็กและวัยรุ่น เหมาะสำหรับแก้ไขปัญหาสายตาสั้นหรือสายตาเอียงที่พบบ่อยในวัยเรียน
- วัยทำงาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแว่นสำหรับการมองไกลหรือใกล้โดยเฉพาะ เช่น แว่นสำหรับขับรถ หรือแว่นสำหรับใช้คอมพิวเตอร์
- ผู้สูงอายุ สามารถใช้เป็นแว่นสำหรับอ่านหนังสือโดยเฉพาะ แยกจากแว่นสำหรับมองไกล
ข้อดีของเลนส์ชั้นเดียวคือ มีราคาไม่แพง ใช้งานง่าย และเหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งคิดริเริ่มใส่แว่นตาเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม หากมีปัญหาสายตาหลายอย่าง อาจต้องเปลี่ยนแว่นบ่อยเมื่อต้องการมองในระยะที่ต่างกัน
2. เลนส์สองชั้น (Bifocal Lens)
เลนส์สองชั้น (Bifocal Lens) คือ เลนส์แว่นตาที่มีกำลังขยายสองระดับในเลนส์เดียวกัน โดยส่วนบนของเลนส์จะมีกำลังขยายสำหรับการมองระยะไกล และส่วนล่างของเลนส์จะมีกำลังขยายสำหรับการมองระยะใกล้ ทั้งสองส่วนนี้จะถูกแบ่งด้วยเส้นที่มองเห็นได้ชัดเจน
หลักการทำงานของเลนส์สองชั้นคือ การรวมเลนส์สองชนิดเข้าด้วยกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนทั้งในระยะไกลและระยะใกล้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแว่น เมื่อผู้ใช้ต้องการมองไกล จะมองผ่านส่วนบนของเลนส์ และเมื่อต้องการอ่านหรือทำงานระยะใกล้ ก็เพียงแค่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองผ่านส่วนล่างของเลนส์
เลนส์สองชั้นเหมาะสำหรับผู้ใช้งานในช่วงวัย ดังนี้
- ผู้สูงอายุ เป็นกลุ่มที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการใช้เลนส์สองชั้น เนื่องจากมักมีปัญหาสายตายาวตามวัย (Presbyopia) ร่วมกับปัญหาสายตาอื่น ๆ
- วัยทำงานตอนปลาย (อายุ 40 ปีขึ้นไป) ที่เริ่มมีอาการสายตายาวตามวัย แต่ยังต้องการแก้ไขปัญหาสายตาสั้นหรือสายตาเอียงด้วย
- ผู้ที่มีอาชีพเฉพาะ เช่น ช่างซ่อม หรือผู้ที่ต้องสลับการมองระยะไกลและใกล้บ่อย ๆ
ข้อดีของเลนส์สองชั้นคือ สามารถแก้ไขปัญหาสายตาได้สองแบบในเลนส์เดียว ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนแว่นบ่อย อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้อาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับการมองผ่านส่วนต่าง ๆ ของเลนส์ และอาจมีข้อจำกัดในการมองระยะกลาง
3. เลนส์โปรเกรสซีฟ (Progressive Lens)
เลนส์โปรเกรสซีฟ (Progressive Lens) คือเลนส์แว่นตาที่มีกำลังขยายเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องจากด้านบนลงมาด้านล่างของเลนส์ ทำให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในทุกระยะ ทั้งไกล กลาง และใกล้ โดยไม่มีเส้นแบ่งที่เห็นได้ชัดเจนเหมือนเลนส์สองชั้น
เลนส์โปรเกรสซีฟเหมาะสำหรับผู้ใช้งานในช่วงวัย ดังนี้
- ผู้สูงอายุ เป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากเลนส์โปรเกรสซีฟ เนื่องจากสามารถแก้ไขปัญหาสายตาได้ครบทุกระยะในเลนส์เดียว
- วัยทำงานตอนกลางถึงปลาย (อายุ 40 ปีขึ้นไป) ที่เริ่มมีอาการสายตายาวตามวัย แต่ยังต้องการความคล่องตัวในการทำงานที่ต้องมองหลายระยะ
- ผู้ที่มีปัญหาสายตาหลายอย่าง เช่น สายตาสั้นร่วมกับสายตายาวตามวัย หรือสายตาเอียงร่วมด้วย
ข้อดีของเลนส์โปรเกรสซีฟคือ สามารถใช้งานได้ครอบคลุมทุกระยะการมอง ให้ความสะดวกสบายในการใช้งาน และมีความสวยงามเนื่องจากไม่มีเส้นแบ่งที่เห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม เลนส์ชนิดนี้มักมีราคาสูงกว่าเลนส์ประเภทอื่น และผู้ใช้งานอาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวมากกว่าเลนส์แบบอื่น ๆ
นอกจากประเภทเลนส์ มีปัจจัยอะไรบ้างที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกซื้อเลนส์แว่นตา ?
นอกจากการพิจารณาประเภทของเลนส์แว่นตาแล้ว ยังมีปัจจัยสำคัญอื่น ๆ ที่ควรคำนึงถึงเมื่อเลือกซื้อเลนส์แว่นตามีกี่แบบ ได้แก่
- ค่าสายตา ต้องได้รับการตรวจวัดสายตาอย่างละเอียดจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ค่าสายตาที่ถูกต้องและเหมาะสม
- วัสดุของเลนส์ เช่น พลาสติก, โพลีคาร์บอเนต หรือแก้ว ซึ่งแต่ละชนิดมีข้อดีและข้อเสียต่างกัน
- การเคลือบผิวเลนส์ เช่น การเคลือบกันแสงสะท้อน, กันรอยขีดข่วน หรือกันแสง UV
- ดัชนีหักเหแสง ส่งผลต่อความหนาและน้ำหนักของเลนส์
- ไลฟ์สไตล์และการใช้งาน พิจารณาว่าใช้แว่นในสถานการณ์ใดบ้าง เช่น ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ หรือเล่นกีฬา
- งบประมาณ เลนส์คุณภาพสูงมักมีราคาแพงกว่า แต่อาจคุ้มค่าในระยะยาว
การดูแลรักษาเลนส์แว่นตาแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร ?
การดูแลรักษาเลนส์แว่นตา เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้แว่นตาของคุณมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและคงประสิทธิภาพในการมองเห็นได้ดี อย่างไรก็ตาม เลนส์แว่นตามีกี่แบบจะมีวิธีการดูแลรักษาอาจแตกต่างกันไปตามประเภทของเลนส์ ดังนี้
- เลนส์ชั้นเดียว สำหรับเลนส์ประเภทนี้ การดูแลทั่วไปก็เพียงพอแล้ว โดยควรเน้นการทำความสะอาดและป้องกันรอยขีดข่วนเป็นหลัก
- เลนส์สองชั้น สำหรับเลนส์ชนิดนี้ ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการทำความสะอาดบริเวณรอยต่อระหว่างชั้นของเลนส์
- เลนส์โปรเกรสซีฟ เลนส์ประเภทนี้ต้องการการดูแลเป็นพิเศษมากกว่าเลนส์ชนิดอื่น ๆ เนื่องจากมีความซับซ้อนในการออกแบบที่มากกว่า
โดยทั่วไป การดูแลรักษาเลนส์แว่นตาทุกประเภทมีความสำคัญมาก เพราะจะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาประสิทธิภาพในการมองเห็นของคุณได้
สรุป
สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่าเลนส์แว่นตามีกี่แบบ ? ทางเราอยากให้คุณมาลองใช้บริการและเลนส์ทดลองได้ที่ THE NEXT ที่นี่เรามุ่งเน้นในการมอบประสบการณ์การตัดแว่นที่มีคุณภาพสูงสุดให้กับลูกค้าทุกท่าน ด้วยทีมจักษุแพทย์และนักทัศนมาตรมืออาชีพ เราให้บริการตรวจวัดสายตาที่แม่นยำ ตรวจสุขภาพตา และคัดกรองโรคตาอย่างละเอียด
นอกจากนี้ เรายังนำเสนอเลนส์คุณภาพสูงและกรอบแว่นแบรนด์เนมในราคาที่คุ้มค่า พร้อมโปรโมชั่นพิเศษมากมาย เชิญมาสัมผัสบริการหรือนัดตรวจค่าสายตากับร้านแว่นตาที่มีจักษุแพทย์ของเราได้แล้ววันนี้ที่ THE NEXT กว่า 30 สาขาในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ หรือดูสาขาทั้งหมดได้ที่ https://www.thenextoptical.com/