ในยุคดิจิทัลที่เรียกได้ว่าผู้คนใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอยู่จอหน้า แม้ว่าจะอำนวยความสะดวกสบายในชีวิตประจำ แต่รู้หรือไม่ว่ามีอันตรายบางอย่างซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพตา เสี่ยงเกิดปัญหาสายตาและโรคตา นั่นคือแสงสีฟ้าจากหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็น มือถือ แท็บเล็ต แล็ปท็อป และคอมพิวเตอร์ แล้วมี วิธีถนอมสายตา อย่างไรบ้าง วันนี้ ร้านแว่นตา THE NEXT ขอมาแชร์เคล็ดลับดูแลดวงตาให้ทราบกัน
หลายคนคงเคยได้ยินคำพูดว่า “ดูมือถือหรือเล่นคอมพิวเตอร์มาก ๆ จะทำให้ตาพัง ตาเสีย” อย่างไรก็ตามก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นเรื่องจริง หรือแค่ไว้หลอกเด็กให้พักสายตาบ้าง แต่ในช่วงหลังมานี้เด็กจนถึงผู้ใหญ่มีปัญหาทางสุขภาพตากันมากขึ้น จากการเล่นหรือดูหน้าจอนาน ๆ จนต้องเข้ารับการรักษา
ด้วยชีวิตยุคสมัยใหม่แตกต่างจากเมื่อก่อนค่อนข้างมาก ทั้งอาหารการกิน ชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงการติดต่อสื่อสาร และช่องทางการรับข่าวสาร ที่มีเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แล็ปท็อป และคอมพิวเตอร์ มาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตในแต่ละวัน ตั้งแต่การเรียน การทำงาน การติดต่อสื่อสาร และความบันเทิง ของคนทุกเพศทุกวัย
และนวัตกรรมเทคโนโลยีของมือถือที่ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เกิดความแพร่หลาย เรียกได้ว่าแทบทุกคนใช้มือถือ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ใครหลายคนอาจติดมือถือ และอาจมีความเสี่ยอาการทางสายตามากยิ่งขึ้น หรือในหลายคนที่ต้องทำงานผ่านหน้าจอเป็นเวลานานแบบเลี่ยงไม่ได้อีกด้วย
ดูหน้าจอระยะใกล้นาน ๆ เกิดอะไรได้บ้าง
- กล้ามเนื้อตาต้องเพ่งในระยะใกล้เป็นเวลานาน
โดยปกติท่าทางที่สบายตาไม่มีการเพ่งของกล้ามเนื้อตาคือการมองระยะไกลเกิน 6 เมตร เมื่อเราต้องมองระยะใกล้ กล้ามเนื้อตาต้องมีการเพ่งให้โฟกัสระยะใกล้ชัด ดังนั้นเมื่อเพ่งระยะใกล้นานๆ จะทำให้เกิดอาการตาล้า ปวดตา ตามัว บางครั้งอาจมีการเห็นภาพซ้อน โฟกัสได้ช้าลง ตาสู้แสงไม่ได้หรืออาจมีอาการปวดศีรษะ ตาแดง ตากระตุก จากกล้ามเนื้อตาเพ่งค้างนานๆ การที่กล้ามเนื้อตาเกร็งค้างเพ่งนาน ๆ จะเกิดภาวะสายตาสั้นชั่วคราวในผู้ใหญ่ หรือสำหรับเด็กเล็กอาจส่งผลให้เกิดปัญหาสายตาสั้นถาวรและรวมถึงการเกิดตาเหล่ตาเขได้ เนื่องจากความแข็งแรงของกล้ามตาในเด็กแข็งแรงกว่าผู้ใหญ่อย่างมาก
- เกิดอาการตาแห้ง
โดยปกติคนเราจะกระพริบตา 20-22 ครั้งต่อนาที แต่เมื่อเราจ้องดูอะไรนานๆ ในทางพฤติกรรมของการใช้สายตาระยะใกล้ มักทำให้มีการกระพริบตาน้อยลงถึง 3 เท่ากว่าภาวะปกติ เหลือเพียง 6 – 8 ครั้งต่อนาทีเท่านั้น ทำให้ความชุ่มชื่นของกระจกตาที่ได้จากการกระพริบตาเพื่อป้องกันน้ำระเหย แต่เมื่อกระพริบตาน้อยลงทำให้น้ำระเหยออกง่าย กระจกตาแห้งไปด้วย จะมีอาการไม่สบายตา ไม่สามารถใช้สายตาติดต่อได้เป็นระยะเวลานาน รู้สึกระคายเคืองเหมือนมีฝุ่นในตา จนบางครั้งอาจมีน้ำตาไหลเอง ฝืดเวลากระพริบ แสบ มักมีตาแดงร่วมด้วย ทำให้การมองเห็นแย่ลงได้ถึงแม้จะแก้ไขด้วยแว่นตาแล้วก็ตาม เห็นแสงฟุ้ง ภาพไม่คมชัด ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือ ตาแห้งจนกระจกตาเป็นแผลติดเชื้ออาจจะทำให้ตาบอดได้เลย
- เกิดอาการปวดตา สายตาล้าได้ง่าย และส่งผลต่อการหลั่งเมลาโทนิน ทำให้เกิดปัญหานอนไม่หลับ ตื่นตัวตลอดแทน เนื่องจากได้รับแสงสีฟ้าเป็นปริมาณมาก
- Computer Vision Syndrome (CVS) ไม่ใช่แค่ทำให้ปวดเมื่อยตา ตาแห้ง โฟกัสได้ช้าลง ตาสู้แสงไม่ได้ ปวดกระบอกตา ปวดศีรษะ ยังรวมไปถึงมีอาการปวดหลัง ปวดไหล่ หรือปวดต้นคอร่วมด้วย และอาจส่งผลต่อการนอนหลับได้
วิธีถนอมสายตา จากหน้าจอมือถือ คอมพิวเตอร์
1. ใช้กฎ 20 – 20 – 20 คือ ทุก 20 นาที ให้พักสายตา 20 วินาที โดยการมองออกไปไกล ๆ ประมาณ 20 ฟุต จะช่วยลดอาการตาล้าได้
2. ถ้ามีอาการตาแห้ง ควรใช้น้ำตาเทียมหยอดเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่ลมเป่าหน้าโดยตรง
3. ปรับความสว่างในห้องทำงาน