เรื่องราวแรงบันดาลใจของนักเคลื่อนไหว ทนายตาบอด ชื่อก้องโลก
หากพูดถึงผู้พิการทางสายตา หรือ คนตาบอด ที่ถือว่ามีอิทธิพลต่อสังคม หรือทำให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลง เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึงชื่อ “เฉินกวงเฉิง (Chen Guangcheng)” กันบ้างแน่นอน หนึ่งในนักสิทธิมนุษยชนที่ทำให้คนทั่วโลกต้องจับตามอง ด้วยเรื่องราวชีวิตที่ผู้พิการทางสายตาอย่างเขาได้ยืนหยัดเรียกร้องความยุติธรรม จนกลายเป็นนักสิทธิมนุษยชนผู้อุทิศตนที่ชาวจีนให้ความรักความศรัทธา และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลก อะไรคือสิ่งที่เขาเรียกร้องและต่อสู้มาตลอด เรื่องราวชีวิตของเขามีความเป็นมาอย่างไร วันนี้ THE NEXT ขอพาทุกคนไปรู้จัก “เฉินกวงเฉิง” ผู้พิการทางสายตาที่หัวใจไม่เคยมืดบอดความยุติธรรม
โรคตา ต้นตอที่ทำให้ตาบอดตั้งแต่อายุ 1 ขวบ
เฉินกวงเฉิง (Chen Guangcheng) เป็นชายชาวจีน เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ปี 1971 ในครอบครัวที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน Dongshigu เมือง Shuanghou เทศมณฑล Yinan เมือง Linyi มณฑลซานตง ประเทศจีน เขาเป็นที่รักของชาวจีนและคนทั่วโลกในนาม “ทนายตาบอด” จากการเป็นนักสิทธิมนุษยชน นักเคลื่อนไหว แม้เป็นผู้พิการทางสายตา แล้วเขาตาบอดเกิดจากอะไร คงต้องย้อนไปในช่วงวัยเด็กที่เขาตาบอดเกิดจากโรคตาเมื่ออายุได้เพียง 1 ขวบเท่านั้น เนื่องจากครอบครัวยากจนทำให้ไม่ได้โอกาสในการเข้ารับการรักษา ส่งผลให้เขาสูญเสียการมองเห็นทั้งสองข้าง และไม่ได้เข้าโรงเรียนจนถึงอายุ 18 ปี อย่างไรก็ตามเขาไม่ยอมแพ้ในด้านการศึกษา ปี 1994 เขาศึกษาต่อที่โรงเรียนคนตาบอดชิงเต่า
จุดเริ่มต้นจากสิทธิคุ้มครองคนพิการ
ต่อมาในปี 1996 เฉินกวงเฉิงได้ต่อสู้เรียกร้องกับรัฐบาลท้องถิ่น เรื่องละเมิดสิทธิคุ้มครองคนพิการที่กำหนดให้ยกเว้นภาษี แต่เขาเจรจาล้มเหลวหลายครั้ง ดังนั้นเขาจึงได้เดินทางไปยื่นคำร้องที่กรุงปักกิ่ง ให้หยุดการเก็บภาษีผู้พิการอย่างผิดกฎหมาย จนในที่สุดรัฐบาลท้องถิ่นก็ได้รับคำสั่งให้ประกาศว่าจะเลิกเก็บภาษีผู้พิการ กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เฉินกวงเฉิงได้เข้าสู่เส้นทางนักสิทธิมนุษยชน จากการเรียกร้องเรื่องสิทธิที่เกี่ยวข้องกับความเป็นตัวเขาเอง
ก้าวเข้าสู่การเรียกร้องนโยบายครอบครัว
สิทธิคุ้มครองผู้พิการเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ต่อมาในปี 1998 เฉินกวงเฉิงได้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนคนตาบอดชิงเต่า และได้เรียนต่อที่มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนนานกิง Nanjing University of Traditional Chinese Medicine จนจบการศึกษาในปี 2001 ซึ่งในระหว่างนั้นเขายังเป็นผู้ริเริ่มโครงการคุ้มครองสิทธิผู้พิการอีกด้วย รวมถึงเป็นหนึ่งในผู้เรียกร้องสิทธิคุ้มครองต่าง ๆ ให้กับชาวบ้านในชุมชน ทำให้ชาวบ้านรู้สึกขอบคุณและชื่อของเขาเริ่มเป็นที่รู้จัก
ในช่วงกลางทศวรรษ 2000 เฉินกวงเฉิงได้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น จากการเคลื่อนไหวท้าทายนโยบายวางแผนครอบครัวของจีน ที่มีการบังคับทำหมัน บังคับทำแท้ง ใช้แรงงานสตรีมีครรภ์และให้นมบุตร รวมถึงการถูกบังคับจ่ายค่าปรับจำนวนมาก โดยเฉพาะในมณฑลซานตงซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา ความพยายามเรียกร้องสิทธินี้ทำให้เกิดความขัดแย้งกับรัฐบาลท้องถิ่น จนเมื่อปี 2005 นำไปสู่การถูกกักบริเวณในบ้าน
ปี 2006 การเคลื่อนไหวในการเรียกร้องสิทธิมนุษยชนของเฉินดวงเฉิง ได้กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนทั้งในและต่างประเทศ เมื่อเขาได้ยื่นฟ้องรัฐบาลจีนในนามผู้หญิงที่ถูกบังคับทำหมันและทำแท้ง อย่างไรก็ตามเขาถูกตัดสินว่ามีความผิดและรับโทษจำคุก 4 ปี ข้อหาทำลายทรัพย์สินและจัดตั้งกลุ่มฝูงชนเพื่อรบกวนการจราจร จากนั้นปี 2010 เขาก็ได้รับการปล่อยตัวแต่ถูกกักบริเวณในบ้านทันที ต่อมาปี 2012 เฉินกวงเฉิงได้ลี้ภัยไปศึกษาต่อด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
บทสรุปจากผู้พิการทางสายตาสู่การเป็นนักสิทธิมนุษยชน
เส้นทางชีวิตของเฉินกวงเฉิงยังคงเป็นนักสิทธิมนุษยชนต่อไปในสหรัฐอเมริกา จากความกล้าหาญและความมุ่งมั่นทำให้เขาได้รับรางวัลมากมาย อาทิ รางวัล Sakharov Prize for Freedom of Thought ในปี 2012 และรางวัล Geneva Summit Courage Award ในปี 2013 เรียกได้ว่าเขากลายเป็นนักสิทธิมนุษยชนที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม และจุดประเด็นความเข้าใจในด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศจีน ชีวิตของเฉินกวงเฉิงยังเป็นเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจในการอุทิศตนเพื่อความยุติธรรม แม้ว่าตัวเขาเองอาจจะมีอุปสรรคทางด้านร่างกายที่ตาบอดเป็นสาเหตุ แต่เขาไม่เคยหยุดต่อสู้และยังคงมีใจเรียกร้องสิทธิมนุษยชนต่อไป
THE NEXT ขอให้เรื่องราวชีวิตของเฉินกวงเฉิงช่วยสร้างแรงบันดาลใจ จุดประกายความกล้าหาญและความมุ่งมั่นให้กับทุกคน โดยเริ่มต้นจากการมีสุขภาพที่ดีโดยเฉพาะดวงตาที่เป็นอวัยวะสำคัญ ที่ควรได้รับการตรวจวัดค่าสายตาและตรวจสุขภาพตาอย่างสม่ำเสมอ และการมีแว่นตาดี ๆ ที่ช่วยเปลี่ยนโลกแห่งการมองเห็นให้กับคุณมากขึ้น